Tailândia, Thairath, Tailandês

[ad_1]

“พิพัฒน์” เล็งมอบของขวัญวันแรงงาน 2567 ยัน มีบิ๊กเซอร์ไพรส์แน่นอน เตรียมเปิดรายละเอียดการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ ชี้ คกก.ไตรภาคี จะดำเนินการเร็วขึ้นจากแผนงานเดิม พร้อมขยายเวลาให้แรงงานอิสระกู้เงินทำงานที่บ้าน

วันที่ 22 เมษายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงของขวัญสำหรับผู้ใช้แรงงาน ในวันแรงงาน 1 พฤษภาคม 2567 ว่า จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์แน่นอน โดยของขวัญชิ้นสำคัญคือ จะมีรายละเอียดเรื่องค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาท โดยผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งจะดำเนินการเร็วขึ้นจากแผนงานที่วางเอาไว้

ในส่วนของขวัญชิ้นต่อมา คือ ขยายเวลาวงเงินกู้สำหรับแรงงานอิสระทำงานจากที่บ้าน ที่ขณะนี้มีผู้กู้ไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 30 เมษายนนี้ จึงได้หารือกับอธิบดีกรมการจัดหางาน ว่า หากวันที่ 30 เมษายน วงเงินยังใช้ไม่หมด ขอให้ขยายเวลาออกไปให้วงเงินกู้สามารถใช้ได้จนหมด เพราะเป็นประโยชน์ ซึ่งใน 2 ปีแรกไม่มีดอกเบี้ย ส่วนปีที่ 3 คิดดอกเบี้ย 2% 

ขณะเดียวกัน ยังมีของขวัญอีกชิ้น คือ การผลักดันอนุสัญญาฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว ค.ศ. 1948 และอนุสัญญาฉบับที่ 98 ว่าด้วยการปฏิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวกันและสิทธิในการร่วมเจรจาต่อรอง ค.ศ. 1949 ผ่านขั้นตอนที่ 1 จากทั้งหมด 7 ขั้นตอน อยู่ในช่วงกลั่นกรองข้อกฎหมายโดยคณะกรรมการไตรภาคี โดยตั้งเป้าในช่วงมิถุนายน-กันยายน 2567 จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเข้าสู่คณะกรรมการกฤษฎีกา หลังจากนั้นจะนำเข้าสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ด้วยเงื่อนไขของกระบวนการทางกฎหมาย

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ผู้ใช้แรงงานได้ช่วยกันผลักดัน โดยหลักใหญ่ฝ่ายนายจ้างก็จะไม่ค่อยเห็นด้วยในฉบับที่ 87 ถ้าฉบับที่ 98 ฝ่ายนายจ้างค่อนข้างจะเห็นด้วย แต่ฝ่ายข้าราชการมีทั้งเห็นด้วย งดออกเสียง ทั้ง 2 ฉบับ เพราะฉะนั้นต้องดูว่าสุดท้ายแล้วทางลูกจ้าง นายจ้าง และข้าราชการจะเลือกให้ผ่านทั้ง 2 ฉบับ หรือฉบับเดียว ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานมุ่งมั่นที่จะประกาศใช้ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งผู้ใช้แรงงานสามารถมีส่วนร่วมในการผลักดันให้กฎหมายเกิดขึ้นจริง โดยทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของทั้ง 2 ฉบับ

“ผมดีใจที่เราสามารถผ่านมติขั้นที่ 1 ทั้งฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งตลอดระยะเวลา 30 ปี ไม่เคยผ่านขั้นตอนแรก เพราะฉะนั้นตัวผมเองพยายามจะให้ผ่านทุกขั้นตอนภายในรัฐบาลชุดนี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการไตรภาคี ว่าเห็นด้วยทั้ง 2 ฉบับ หรือเห็นด้วยฉบับใดฉบับหนึ่ง แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับตัวผมเห็นด้วยทั้ง 2 ฉบับ”

ในช่วงท้าย นายพิพัฒน์ ระบุถึงของขวัญชิ้นต่อมาก็คือ การผลักดันอนุสัญญาฉบับที่ 144 ว่าด้วยการปรึกษาหารือไตรภาคี (มาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ) ค.ศ. 1976 และอนุสัญญาฉบับที่ 155 ว่าด้วยความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการทำงาน ค.ศ. 1981 ให้แล้วเสร็จก่อนที่จะไปประชุม ILO ในวันที่ 11-15 มิถุนายน 2567 ที่กรุงเจนีวา มั่นใจว่าอนุสัญญาฉบับที่ 144 จะเสร็จทัน แต่ฉบับที่ 155 จะพยายามทำให้ทัน ตั้งเป้าจะประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในที่ประชุมที่กรุงเจนีวา นอกจากนี้แต่ละหน่วยงานจะนำเสนอของขวัญให้กับผู้ใช้แรงงานเพิ่มเติมด้วย.

[ad_2]

Source link

Notícias

Indonésia, Republika, Indonésio

[ad_1] REPUBLIKA.CO.ID, JAKARTA — Direktur Jenderal Bea dan Cukai Kementerian Keuangan Askolani buka suara soal tingginya sanksi administrasi barang impor. Dia menjelaskan besaran sanksi administrasi

Indonésia, Indo Pos, Indonésio

[ad_1] Harianjogja.com, DEPOK—Ombudsman Republik Indonesia (ORI) DIY meminta masyarakat untuk melapor jika menemui tiang-tiang kabel yang tampak semrawut. Laporan-laporan yang datang dari masyarakat ini akan

Hong Kong, South China Morning Post, Inglês

[ad_1] Hong Kong authorities will step up enforcement on illegal ride-hailing services and rogue taxi drivers over the coming Labour Day “golden week” holiday, while

Tailândia, Business Day News, Tailandês

[ad_1] มูลนิธิสุญญตาวิหารเผยหลักสูตรการดับทุกข์สำหรับผู้บริหารระดับสูงรุ่นแรก มีผู้สนใจในช่วงสองอย่างล้นหลาม รองประธานมูลนิธิฯเผยมีทั้งอดีตรัฐมนตรี อดีต สว. และอดีตปลัดกระทรวง สนใจ ชี้หลักสูตรนี้เหมาะกับโลกในยุคปัจจุบัน นายสมชาย เลิศด้วยลาภ รองประธานมูลนิธิสุญญตาวิหาร เปิดเผยว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและในโลก ทั้งปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาทุกอย่างอีกมากมายที่เกิดขึ้น สำหรับผู้บริหารจะมีการรับรู้และรับผิดชอบมากกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และผู้บริหารหน่วยงานภาคเอกชน โดยทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเพราะความรับผิดชอบที่มีต่อตัวเอง หน่วยงานและสังคม รวมถึงประเทศการเป็นทุกข์สำหรับผู้บริหารแล้ว มักจะไม่สามารถบอกหรือปรึกษาใครได้ เพราะความน่าเชื่อถือและความคาดหวังของคนในองค์กร